วันพุธที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2556

XIU LI WU HAO 2011 (Hojo Tea)

วันนี้มาชิมชาจากเว็บไซด์ hojotea.com ซึ่งอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่นครับ เป็นชาผู่เอ๋อดิบที่มีชื่อว่า XIU LI WU HAO 2011 ชาตัวนี้ผลิดจากแหล่งชาบริเวณเขาหลิงชัง(Lincang) ใบชาที่แห้งนั้นจะมีสีเข้ม และปกคลุมด้วยขนนุ่ม จึงเป็นที่มาของชื่อ WU HAO ในภาษาจีนซึ่งแปลว่าขนนุ่มสีดำ ชาแผ่นนี้เก็บเกี่ยวเมื่อ เดือนมีนาคม 2011
ความน่าสนใจอีกเรื่อง โดยปรกติเราจะทราบกันว่าชาผู่เอ๋อนั้นต้องเก็บในที่อากาศถ่ายเท ชาจึงจะมีพัฒนาการที่ดี ยิ่งเก่ายิ่งอายุมาก ยิ่งอร่อย แต่ชาแผ่นนี้ถูกเก็บโดยไม่สัมผัสกับอากาศและแสงแดด มาตั้งแต่ผลิตเสร็จปี 2011  ทำให้ผมยิ่งสนใจอยากชิมยิ่งขึ้นไปอีก
ชาถูกเก็บอยู่ในถุงสูญญากาศ ทึบแสง แยกเป็นแผ่น 1ถุงต่อ1แผ่น

 เปิดห่อมาจะพบแผ่นชา หุ้มด้วยกระดาษสวยงาม 



เปิดห่อมา แรกสัมผัสเลยคือกลิ่นควันไฟครับ รุนแรงทีเดียว ขนาดยังไม่ได้ชงดื่มนะครับ เรื่องกลิ่นควันไฟนั้นถื่อเป็นข้อเสียในชาผู่เอ๋อ แต่เอาเข้าจริงๆกลิ่นควันไฟถ้าไม่รุนแรงนักผมถือว่าไม่เสียหายกลับเพิ่มมิติในรสชา หลายท่านก็ชอบกลิ่นควันไฟครับ แต่หลายท่านก็ไม่ชอบเอาเสียเลย ของอย่างนี้ขึ้นอยู่กับตัวท่านเองแล้วละครับ
ลองแซะชิม ชงน้ำแรกทิ้งกระตุ้นใบชา น้ำถัดมาชงดื่ม กลิ่นควันไฟค่อนข้างรุนแรงครับ แรงไปสำหรับผม อาจเป็นเพราะชาไม่ได้สัมผัสอากาศเลยกลิ่นควันก็สะสมอยู่ระบายออกไปไม่ได้ รสชาตินั้น บอดี้หนักแน่นใช้ได้ รสชาติคงค้างในลำคอหนาแน่นมากครับ ขณะดื่มอาจยังไม่ค่อยมีรสหวาน แต่หลังจากดื่ม กลืนน้ำลายกลับพบรสหวานในลำคอ หนาแน่น ยาวนานทีเดียว ผลจากการเปิดซองแล้วดื่มเลยยังคงไม่ค่อยประทับใจนัก
ผมแซะชาแผ่นนี้เก็บไว้ 3 เดือนจึงลองชิมใหม่ คราวนี้กลิ่นควันที่เคยรุนแรง กลับหายไปเกือบหมดแล้ว เมื่อชงดื่มก็ไม่พบกลิ่นควันรบกวนแต่อย่างใด กลับพบกลิ่นหอมของดอกไม้ป่า หอมชัดเจนครับ โดยรวมดีขึ้นมาก จุดเด่นยังคงอยู่ที่รสชาติคงค้างในลำคอ ทำได้ดีครับ

ชาแผ่นนี้ราคาไม่สูงครับ เทียบกับรสชาติแล้วผมว่าคุมค่ามากๆ แนะนำครับ
ขอบคุณน้องแบงค์ที่เป็นธุระจัดหาชาแผ่นนี้ด้วยครับ

วันศุกร์ที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2556

Bulang Beauty 2013 Spring (Tea Urchin)

มาชิมชาจาก Tea Urchin กันต่อครับ ชาตัวนี้คือ Bulang Beauty 2013 Spring เป็นชาผู่เอ๋อดิบ ชาป่าจากแหล่งชาบริเวณชายแดนพม่าของเขาบู้หลาง ฤดูใบไม้ผลิ 2013 ดูแผนที่ได้จากบทความนี้ และแนะนำให้เปิดดูภาพวิถีชีวิตชาวบ้านและเส้นทางชาจากป่าสู่ป้านชาใบน้อยๆใบนี้ เฮียMichael Freeman แกบันทึกภาพเอาไว้ได้งดงามมาก มีภาพจากบู้หลางหลายภาพเลย ดูได้ที่นี่
 ชงดื่มครับ...หลังจากชงกระตุ้นใบชาหนึ่งน้ำ น้ำถัดมาชงดื่ม
น้ำที่ 1 สัมผัสแรกคือความขมเล็กน้อย หอมเกสรดอกไม้ชัดมากๆกลิ่นแบบนี้...ถูกใจเลยครับ หวานนิดๆบริเวณโคนลิ้น หวานตั้งแต่น้ำแรกเลย
น้ำที่ 2-3 รสชัดเจนหนักแน่นขึ้น จิบแล้วจะได้รับรสขมก่อน ขมชัดเจน แต่แว๊ปเดียวก็หายไป แทนที่ด้วยความหวานที่โคนลิ้น และกลิ่นหอมสดชื่น ซึ่งคงอยู่ค่อนข้างนาน แต่ยังคงมีความฝาดอยู่บ้าง น้ำชาสีเหลืองทองสวยงาม
น้ำ 4-5 ความขมลดลง หวานชัดเจนขึ้น
น้ำ 6-7-8 แทบจะไม่ขมแล้ว หวาน หอมสดชื่นทีเดียวครับ
สรุปโดยรวมนั้นทำได้ดีนะครับ ขมน้อยกว่า Lao Man E 2013 กลิ่นนั้นผมชอบมากกว่า ราคาไม่แพงมาก และได้ชาที่เป็นเอกลักษณ์ของบู้หลางซานแท้ๆ ทำให้ผมตัดสินใจซื้อเต็มแผ่นครับ
แพกเกจ กระดาษห่อชาดูดีมาก ดูตั้งใจทำดีครับ

วันพฤหัสบดีที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2556

ทีดี กุ่ยจื่อเชียง (ปังตง) ฤดูใบไม้ผลิ 2013

ตอนแรกผมตั้งใจจะบันทึกชาที่สั่งมาชิมจาก Tea Urchin ให้ครบก่อนเพื่อความต่อเนื่อง แต่คิดว่าแทรกชาตัวนี้ก่อนน่าจะมีประโยชน์ เพราะชาตัวนี้ยังมีจำหน่ายครับ จึงเขียนบันทึกเป็นแนวทางไว้ ก่อนที่ชาจะหมดเหมือนบันทึกที่ผ่านๆมา
เนื่องจากผมตามหาชาป่าแท้ๆราคาไม่แพงมาสักระยะพบว่า ส่วนใหญ่ชาที่ราคาถูกลงมามักจะติดรสฝาด บ้างมาก บ้างน้อย แต่เจอแทบทุกตัว บางตัวมีกลิ่นควันไฟแรงมาก และรสชาติไม่มีความหวานดั่งที่ผมต้องการ แต่ตอนนี้มีชาที่ตรงกับชาที่ผมตามหาแล้วครับ แถมไม่ต้องสั่งถึงต่างประเทศอีกด้วย  ชาตัวนี้คือ ทีดี กุ่ยจื่อเชียง (ปังตง) ฤดูใบไม้ผลิ 2013 สั่งผลิตและจำหน่ายโดย ร้านชาทีดี เจ้าเก่านี่เอง ปังตงเป็นหมู่บ้านเล็กๆอยู่ใน Lincang ระดับความสูงประมาณ 1600 เมตร อยู่ใกล้ๆกับซีกุยแต่ราคาชาจากซีกุยแพงกว่ากันมากนัก
ขอบคุณแผนที่จาก Teachat
ชาแผ่นนี้ขนาด 150 กรัม กดทับด้วยหิน ทำให้แซะง่ายใบชาไม่แตกหัก




ชงดื่ม...หวานครับ หวานเหมือนเกสรดอกไม้ กลิ่นหอมสดชื่นอบอวนในปากหอมมาก กลิ่นของชาผู่เอ๋อนั้นไม่เหมือนกับกลิ่นของชาอย่าง ต้าหงเผา ทิกวนอิม ที่เมื่อรินน้ำออกมาก็หอมฟุ้งกระจายในอากาศ แต่กลิ่นของชาผู่เอ๋อนั้นจะหอมในปาก จะได้กลิ่นชัดเจนก็ต่อเมื่อดื่มเข้าปากและกลืนลงคอ ทดลองกลืนน้ำช้าๆ แล้วสูดหายใจตามลึกๆจะได้กลิ่นชัดเจนขึ้น กลิ่นหอมของชาผู่เอ๋อนั้นจะคงอยู่ในปากและลำคอค่อนข้างยาวนานทีเดียวครับ ชิมต่อครับ body กลางๆ รสชานั้นให้ความชัดเจนบริเวณลิ้นและด้านหน้าของปาก โดยเฉพาะรสที่มาเกาะอยู่ที่ลิ้นหนาแน่นมาก

ผมเคยได้ชิมชาตัวนี้จากผู้ผลิตเดียวกันแต่เป็นปี2009 พบว่าชาพัฒนารสชาติไปได้ไกลมาก body หนาขึ้นมาก หวานจัด รสชาที่มาเกาะลิ้นนั้นหนาแน่นมาก ลองใช่ฟันขูดลิ้นยิ่งชัดเจนว่ามีอะไรเกาะอยู่ที่ลิ้นเต็มไปหมด ผมไม่ค่อยพบชาที่มีเอกลักษณ์แบบนี้เท่าไหร่ ดื่มแล้วไม่พบกลิ่นควันไฟ และรสฝาดครับ
โดยรวมผมว่าดีนะครับ ชาป่าราคาประมาณนี้ส่วนใหญ่มักจะติดรสฝาดและบางตัวก็มีกลิ่นควันไฟ ข้อด้อยของชาตัวนี้มีเพียงแค่รสชาที่ยังไม่ลงลึกในลำคอ เท่าชารุ่นพี่ๆอย่างปิงเต่า ยี่หวู่
และไม่ฉาชี่เหมือนรุ่นยักษ์อย่าง ซีกุยและเหล่าปานจัง ที่ดื่มแล้วลมปราณพลุ่งพล่านถึงกับเหงื่อออกทีเดียว (ยิ่งพอทราบราคาแล้วเหงื่อยิ่งไหลครับ หุหุหุ) ผมยังมีชาปังตงอีกตัวจาก TeaUrchin แต่ราคาสูงกว่าตัวนี้พอควร ไว้ชิมเทียบกันแล้วจะมาเล่าให้ฟังนะครับ

สนใจชาติดต่อได้ที่ ร้านชาทีดี ชั้น3 ซีคอนสแควร์ ครับ https://www.facebook.com/Teadezhang?fref=ts

วันเสาร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2556

Lao Man E 2013 Spring (Tea Urchin)

ผมสั่งตัวอย่างชาจาก Tea Urchin.com มาชิมจำนวนหนึ่งครับ เป็นผู๋เอ๋อดิบทั้งหมด จากหลายๆเขา หลายๆเกรดราคา เมื่อชิมแล้วจะทยอยนำมาเล่าให้ฟังนะครับ
ชาตัวแรกที่เปิดชิมเป็นชาจากเขา บู้หลาง(Bulang)อยู่ในเขตสิบสองปันนา(Xishuang Banna) ซื่งชาที่ผมยกให้เป็น King of  Pu-Erh ก็อยู่ที่เขานี้ นั่นคือชาจากหมู่บ้าน เหล่าปานจัง(Lao Ban Zhang) ราคาตอนนี้นั้นสูงมากๆคับ  ผมมีโอกาสได้ชิมแล้ว ชักติดใจชาบู้หลางซานซะแล้วสิ

ชาจากบู้หลางซานจะมีเอกลักษณ์อย่างหนึ่งคือ รสขมนำ หวานตาม ซับซ้อน ดุดัน ความขมนั้นชาเหล่าปานจัง(Lao Ban Zhang)จะขมน้อยที่สุดครับ หมู่บ้านอื่นๆจะขมมากกว่าจนถึงขมปี๋เลย ราคาจึงถูกลงไปตามลำดับ

ชาที่จะชิมวันนี้เป็นชาป่าจากหมู่บ้าน เหล่าม่านเอ๋อ(Lao Man E) ชาที่นี่จะมีทั้งต้นขม (ku cha) และต้นหวาน(tian cha) ตัวที่ผมสั่งมานี้ ใช้ทั้งต้นขมและต้นหวานผสมกัน ผลิตปี 2013 ฤดูใบไม้ผลิ ใบชาก่อนชงใบใหญ่สวยงาม มีกลิ่นหอมสดชื่นอ่อนๆ
ชงดื่ม...แรกจิบ ขมพอควรเลยครับแต่ขมประเดี๋ยวเดียวก็หายไป แทนที่ด้วยความหวาน กระจายเต็มปากและลำคอ ขมแต่ไม่ฝาด Bodyหนา ดุดัน ชุ่มคอ รสชาติคงค้างยาวนาน กลืนน้ำลายตามลงไปรู้สึกหวานในลำคอชัดเจน กลิ่นหอมออกเขียวๆหน่อยครับ ไม่หอมหวาน และไม่พบกลิ่นควันไฟ

ชาจากเหล่าม่านเอ๋อ(Lao Man E)นั้นขึ้นชื่อเรื่องความขมอยู่แล้ว บางท่านที่ไม่ชอบขมคงไม่ชอบชาตัวนี้ สำหรับผมคิดว่าขมไปนิดครับแต่ก็ชอบที่ชุ่มคอ และทิ้งรสหวานในลำคอยาวนานทีเดียว ชาตัวนี้ชงทนครับ 10 น้ำขึ้นไป

วันศุกร์ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ชิมชาจาก Tea Urchin

ตัวอย่างชาจาก Tea Urchin มีชาป่าหลายตัวน่าสนใจที่เดียว

วันอังคารที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ทีดี Gua Feng Zhai 2013 Spring

ชาผู่เอ๋อนั้น ยิ่งนานยิ่งอร่อย ยิ่งเก่ายิ่งกลมกล่อม คนที่เป็นคอชาผู่เอ๋อนั้น มักซื้อชาใหม่มาเก็บ ดื่มชาเก่าที่ตนมี วางแผนการดื่มกันหลาย ๆ ปีทีเดียว เวลาซื้อชาใหม่จึงไม่ต่างอะไรกับการซื้ออนาคตมาเก็บไว้ ค่อย ๆ บ่มเพาะให้หอมหวานตามกาลเวลา           

วลาผมซื้อชามาใหม่ ผมมักจะเปิดชิมก่อนเสมอ เพื่ออ้างอิงพัฒนาการของรสชาติชาต่อไปในอนาคต
วันนี้ได้ชามาใหม่ก็เปิดชิมเช่นเคย ชาตัวนี้เป็นชาจากหมู่บ้านกัวเฟิงจ้าย ชื่อเสียงชาจากหมู่บ้านแห่งนี้ถูกขนานนามเป็นลำดับต้นๆของเขายี่หวู่ อาจเป็นเพราะต้นชาโบราณอายุมากๆส่วนใหญ่อยู่บริเวณนี้ และชาเขายี่หวู่นี้เด่นเรื่องความนุ่มนวล หอมหวาน ดื่มง่ายไม่มีรสขม

ติดชายแดนลาวเลยครับ
ด้านหน้า
ด้านหลัง
ชาแผ่นนี้ผลิตเป็นแผ่นขนาดกลางแผ่นละ 200 กรัม  ใบชาอัดมาไม่แน่นมากเนื่องจากใช้หินกด จึงทำให้แซะออกอย่างง่ายดาย ทำให้ใบชาที่ได้คงสภาพสวยไม่แตกหัก
ด้านหน้า
ด้านหลัง
เมื่อชงดื่ม.. สิ่งแรกที่สัมผัสได้คือความนุ่มนวลที่บ่งบอกเอกลักษณ์ชายี่หวู่ได้อย่างชัดเจน แต่ก็แฝงไปด้วยความแข็งแกร่ง กลิ่นที่หอมคล้ายกับข้าวสาร ปราศจากกลิ่นควัน  ทันทีที่น้ำชาสัมผัสกับลิ้น รสชาติก็กระจายเต็มปาก ละเมียด ซับซ้อน มีความฝาดเบาๆที่ปลายลิ้น ดื่มแล้วยังคงเหลือรสชาติอยู่ในปากและลำคอยาวนาน น้ำท้ายๆยังคงหอมหวาน เปรียบดั่งหญิงงามในความฝัน รอบตัวเต็มไปด้วยหมอกขาวจางๆยิ่งเพ่งยิ่งเห็นความงาม
ใบชายี่หวู่นั้นช่อจะค่อยข้างยาวอย่างเห็นได้ชัด
แค่รสชาติเริ่มต้นก็ตรึงใจแล้วครับ ผมไม่อยากจินตนาการความละมุนในอนาคตทีเดียว

สั่งผลิตและจัดจำหน่ายโดยร้านทีดีเจ้าเก่าเจ้าเดิมชั้น3 ซีคอนสแควร์ครับผม
-ขอบคุณแผนที่จาก articles.bannacha.com

วันอังคารที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2556

Guoyan "Queen of Yiwu" 2008



ชาแผ่นนี้ผมสั่งมาจาก yunnansourcing.com ยี่ห้อ กั๊วเหยียน ข้อมูลที่ไนเวป YS บอกไว้ว่า ชาเกรดพรีเมี่ยม ผลิตจากชาป่า (wild arbor) เขายี่หวู่ ฤดูใบไม้ผลิ คัดเลือกอย่างพิถีพิถัน และกดด้วยหิน ผลิตจำกัดเพียง 9,999 แผ่น  จากข้อมูลนี้ ผมกดสั่งซื้อเลยครับ เพราะราคาถูกมากครับชาป่ายี่หวู่ 400g ปี 2008 ราคา 25$ เท่านั้น (ราคาปี2012นะครับ)

จากนั้นไม่นานก็ได้รับชา แล้วก็จัดการชงดื่มเลยครับ ดื่มอยู่หลายป้าน เกิดความสงสัยว่าชาแผ่นนี้ไม่น่าจะเป็นชาป่า น่าจะเป็นชาไร่ปลูกมากกว่า ลองคลิกดูชาหลายๆตัวในเวป YS ในที่สุดก็ถึงบางอ้อ ชาแผ่นนี้เป็นชาปลูกจริงๆครับ ชาป่าในเวปYS จะเรียก Ancient Arbor ส่วน Wild Arbor เขาใช้เรียกชาไร่ปลูกทีอยู่ในเขานั้นๆ หรือเป็นชาปลูกป่าที่อายุน้อยๆนั่นแหละครับ เพื่อนที่จะสั่งชาต้องอ่านให้ดีนะครับ มิน่าราคาถึงไม่แพง 


โดยปกติชาป่าจะราคาสูงกว่านี้มากครับ ยิ่งต้นชาอายุมากเท่าไหร่ราคายิ่งสูง แหล่งปลูกก็มีผลต่อราคา ชาป่านั้นเกิดจากคนรุ่นก่อนๆ ปลูกไว้นะครับ ปลูกแบบปล่อยป่า อายุต้นมีตั้งแต่ 100-1,000ปีเลยทีเดียว ซึ่งเป็นทรัพยากรธรรมชาติที่มีจำกัด ผลผลิตน้อย ราคาจึงสูงตาม


ส่วนชาป่ากับชาไร่ปลูก รสชาติแตกต่างกันอย่างไรนั้น เราคงต้องค่อยๆแลกเปลี่ยนกันไปนะครับ ผมคิดว่าชาป่าก็มีดีในแบบชาป่า ชาไร่ก็มีดีในแบบชาไร่

กลับมาดูชาแผ่นนี้กันต่อครับ แผ่นที่ผมได้มาหมายเลข 8645 เปิดห่อชาออกดู ใบชาใบใหญ่ดูสมบูรณ์ใช้ได้เลยครับ ใบชาอัดมาหลวมๆ ทำให้แซะง่าย ใบชาไม่ค่อยหัก กลิ่นใบชาตัวนี้หอมเหมือนดอกไม้ป่าไม่ฉุน หอมนุ่มๆ ดูจากใบชาก่อนชงแล้วน่าอร่อยทีเดียว

ชาพันธ์ยูนานใบใหญ่

ชงดื่มกันเลยดีกว่า บรรจุใบชาลงป้าน รินออกดื่ม ได้กลิ่นหอมของชาเขายี่หวู่ชัดเจนครับ น้ำชาสีเข้มตั้งแต่น้ำแรกเลยทีเดียวเนื่องจากชาอายุ  5 ปีแล้วครับ เมื่อจิบลงคอพบว่ามีความนุ่มนวลแต่ก็ไม่มาก มีกลิ่นควันเล็กน้อยในน้ำแรกๆ มีความฝาดเล็กน้อยแต่ก็สัมผัสได้ชัดเจน แต่รสชาติน้ำชานั้น ต้องบอกว่าเบาบางครับ  Bodyบางมาก จุดนี้แหละครับที่ทำให้ผมสงสัยว่าไม่น่าจะเป็นชาป่า ชงดื่มได้10กว่าน้ำ แต่ก็ไม่พบความหวานเลย เป็นชาที่ราคาไม่สูง ได้กลิ่นหอมของยี่หวู่ เรียกได้ว่าใบชาก่อนชงและกลิ่นนั้นทำได้ดีกว่ารสน้ำชาครับ

ดื่มชากันครับ

กากชาฟื้นตัวดี

เมื่อวานนี้ผมมีงานด่วนต้องเดินทางไปอำเภอแม่สอดจังหวัดตาก ที่เพิ่งผ่านเหตุการน้ำท่วมหนักที่สุดในรอบ 20ปีไปครับ ตอนนี้น้ำลดแล้ว ช่วงที่เกิดเหตุนั้น ชาวแม่สอดได้รับความเดือดร้อนมากครับ ไม่เว้นแม่แต่ทางฝั่งพม่า มีชาวพม่าหนีตายข้ามมาฝั่งไทยกว่าร้อยคน ต้องขอบคุณเจ้าหน้าที่และพี่น้องชาวแม่สอดที่นอกเหนื่อจากจะช่วยกันเองแล้วยังให้ให้การช่าวเหลือกับชาวพม่าเหล่านั้นอย่างเต็มที่ในฐานะเพื่อนมนุษย์คนหนึ่ง ผมว่าการที่มนุษย์มีความเอื้อเฟื้อช่วยเหลือกัน ไม่แบ่งเชื้อชาติ ศาสนา ฐานะ นับเป็น "สิ่งสวยงามของการมีชีวิต" เลยทีเดียว

วันอาทิตย์ที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ทีดี ปิงเต่า(Bing Dao) 2012 Spring

        บันทึกชาตัวแรกนี้หยิบเอาชาผู่เอ๋อ ชาป่าโบราณ จากหมู่บ้านปิงเต่า(Bing Dao)แห่งเขาหลิงซัน(Lincang) สั่งผลิตและประทับยี่ห้อทีดี คุณจางเจ้าของร้านให้ข้อมูลว่า ชาแผ่นนี้ผลิตจากต้นชาพันธ์ใบใหญ่ยูนานโบราณ อายุต้นชาราว 300 ปีขึ้นไป ขบวนการผลิตทำด้วยมือทุกขั้นตอน เด็ด คั่วด้วยมือ ผึ่งแห้งด้วยแสงแดดและอัดแผ่นด้วยหิน ที่สำคัญรับประกันชาปิงเต่า แท้100%
       ชาตัวนี้นับเป็นชาที่ผมคุ้นเคยและดื่มบ่อยที่สุดเริ่มดื่มตั้งแต่ผลิตเสร็จในปี 2012 จนถึงปัจจุบัน เห็นพัฒนาการของชามาเป็นลำดับต้องบอกว่าเป็นชาที่ มีการเปลี่ยนแปลงเร็วมากครับ โดยเฉพาะความหวานนั้นเพิ่มขึ้นมากอย่างชัดเจน
ใบชาก่อนชง

         บรรจุชาใส่ป้าน ล้างฝุ่นละอองในใบชาทิ้ง 1 น้ำ น้ำถัดมาชงดื่ม เพียงแค่จิบแรกก็สัมผัสได้ถึงความหวานที่เกิดขึ้นในลำคอ  หวานเหมือนน้ำตาลกรวด น้ำชาไม่ฝาดขม ไม่พบกลิ่นควันไฟ มีกลิ่นหอมซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของแต่ละเขา  เป็นกลิ่นที่ผมอธิบายไม่ถูกครับ ท่านต้องลองสัมผัสเองก็จะทราบได้  มีความชุ่มคอ คงเหลือรสชาติคงค้างในลำคอยาวนานทีเดียวครับ หลังจากดื่มชาตัวนี้แล้วดื่มน้ำเปล่า หรือกลืนน้ำลายก็ยังรู้สึกหวานในลำคอ

ดื่มชากันครับ
        ชาตัวนี้ชงทนนะครับ 10 น้ำขึ้นไป โดยปกติผมจะดื่มเรื่อยๆ จน 20 กว่าน้ำเลยทีเดียว โดยเฉพาะน้ำท้าย ๆ ชงจนใสแล้วแต่ยังคงมีรสหวานเคลือบอยู่ในน้ำ  อร่อยมากครับ

กากชา

ทิ้งท้าย  ชาดีไม่ดีนั้นไม่ได้อยู่ที่ราคามากำหนด แต่อยู่ที่ตัวเราว่าชอบชานี้หรือไม่แค่นั้นเองครับ




ผู้สนใจชาตัวนี้ติดต่อร้านชาทีดี ชั้น3 ซีคอนสแควร์ได้ครับ

แนะนำตัวสักเล็กน้อยครับ

             ผมเติบโตในครอบครับคนจีนครับ ที่บ้านดื่มชามาตลอด ก็รู้จักคุ้นเคยกับชามาตั้งแต่เล็ก แต่ก็ไม่ได้สนใจในโลกของชาแต่อย่างใด โตขึ้นก็มักซื้อชาเป็นของฝากให้ อาป๊า อาม๊า จนมาวันหนึ่งได้พบกับชาผู่เอ๋อ ลักษณะเป็นแผ่นแปลกดี จึงซื้อไปเป็นของฝากเช่นเคย คราวนี้ได้ชาสุกปีเก่า 1 แผ่น ชาดิบ 1 แผ่น เมื่อกลับมาบ้านที่ต่างจังหวัด ก็จัดการชงชาสุกให้ อาป๊า อาม๊าดื่ม ผมเองก็ดื่มครับ สิ่งที่สัมผัสได้ทันทีคือ มีกลิ่นหืน กลืนไม่ลง เมื่อพยายามกลืนลงก็พบว่าร่างกายรู้สึกต่อต้าน อยากจะอาเจียรออกมา รุ่งขึ้น อาป๊าก็ท้องเสีย ผมคิดว่าชามีปัญหาแน่ๆ
            จึงเป็นที่มาของความอยากรู้ ค้นหา จนกระทั่งทราบว่าชาแผ่นนั้นเป็นชาปลอม ผมเจ็บใจมาก ศึกษาเพิ่มหาซื้อชาดีๆมาดื่ม จนได้รู้จักพีๆเพื่อนๆในโลกของชา จนบัดนี้โลกของชาไม่ได้มีแค่ใบชา ยังมีเรื่องราวของมิตรภาพ วัฒนธรรม เรื่องราวที่มาที่ไป ประกอบกับผมชอบชิมพยายามหาชาต่างๆมาชิม จึงอยากเขียนบันทึกช่วยจำไว้ เพื่อตังเองจะได้กลับมาอ่าน และน่าจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆที่สนใจครับ